ประวัติบ้านวินเชสเตอร์
ในยุคที่คนขาวรุกรานถิ่นอินเดียแดง พวกอินเดียแดงมีวิธีต่อสู้กับอาวุธปืนด้วยการขี่ม้าวนไปรอบๆเพื่อล่อให้ยิง พอคนขาวกำลังบรรจุกระสุนใหม่ก็เป็นโอกาสเข้าโจมตีของอินเดียแดงเพราะปืนไรเฟิลยุคนั้นบรรจุกระสุนได้เพียงนัดเดียวเท่านั้น
จนเมื่อโอลิเวอร์ วินเชสเตอร์สร้างปืนไรเฟิลที่บรรจุกระสุนได้ถึง 13 นัดในคราวเดียว พวกอินเดียแดงก็ล้มตายราวกับใบไม้ กระทั่งมีการเรียกปืนไรเฟิลรุ่น ปี 1873 ของวินเชสเตอร์ว่า"ปืนพิชิตตะวันตก" (The gun that won the West) วิลเลียม เวิร์ต วินเชสเตอร์ ผู้เป็นลูกชายได้ขายปืนให้รัฐบาลอเมริกา มันถูกนำไปใช้ในทางการทหารและแพร่หลายไปจนทั่วโลก ตระกูลวินเชสเตอร์จึงร่ำรวยอย่างมหาศาล
ปี ค.ศ.1862 วิลเลี่ยมสมรสกับซาราห์ บ้านเดิมเธออยู่ที่เมืองนิวฮาเวนรัฐคอนเน็คติคัต แต่งงานได้ 4 ปีเธอก็ให้กำเนิดลูกสาวคนแรก ชื่อแอน แต่เดือนต่อมาแอนก็เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ และทั้งสองก็ไม่เคยมีลูกอีกเลย
ปี ค.ศ.1880 โอลิเวอร์เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน วิลเลียมจึงเข้าดูแลกิจการแทนพ่อได้เพียง 1 ปี วิลเลียมก็เสียชีวิตด้วยวัณโรคอีก ซาราห์โศกเศร้าเสียใจอย่างมาก ประกอบกับเธอค่อนข้างจะเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ จึงไปปรึกษานักจิตศาสตร์ที่บอสตัน
เธอได้รับคำแนะนำว่าโชคร้ายที่ประดังเข้ามานี้ล้วนเกิดจากความแค้นของผู้คนที่ตายด้วยปืนของตระกูลสามีเธอให้เธอย้ายบ้านไปอยู่ทางฝั่งตะวันตกเสีย และสร้างบ้านให้เกิดเสียงดังตลอดเวลาเพราะเสียงค้อนตอกตะปูในเวลาสร้างบ้านจะตอกย้ำเข้าไปในรูหูของปีศาจ ทำให้มันไม่กล้ามารบกวน
ซาราห์จึงย้ายบ้านมาอยู่ที่เมืองซานโฮเซ่ ทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย ซื้อบ้านเก่าหลังใหญ่ มีห้องจำนวน 8 ห้อง ตั้งอยู่บนที่ดินผืนโต จ้างคนสวน 12 คน คนรับใช้ 10 คน และช่างไม้อีกจำนวนมาก เพื่อที่จะให้สร้างและต่อเติมบ้านของเธออยู่ตลอดเวลา ซาราห์ให้สร้าง "ห้องสีฟ้า" อันเป็นห้องลับสุดยอดที่เธอจะใช้ติดต่อกับวิญญาณที่ดี เพื่อช่วยคุ้มครองและแนะนำการต่อเติมบ้านให้เธอ ซาราห์เชื่อว่าพวกผีแต่ละตนมักจะพิกลพิการเธอจึงให้สร้างประตูลับ ประตูกล บันไดหลอกและประตูปลอมเอาไว้มากมาย เพื่ออำนวยความไม่สะดวกให้พวกภูตผีที่จะเข้ามารังควานเธอ บ้านหลังนี้มีห้องนอน 43 ห้อง ที่เธอจะแอบเข้าไปนอนโดยไม่บอกใครว่าคืนนี้จะนอนห้องไหน กลัวผีตามถูกห้องว่างั้นเถอะส่วนห้องสีฟ้าของเธอนั้น กว่าจะเข้าไปได้เธอต้องเดินไปตามระเบียงยาวคดเคี้ยวไปมาจนถึงผนังตันก็กดปุ่มลับเลื่อนผนังเปิดเข้าไปในห้อง
แล้วปีนหน้าต่างข้ามไปยังห้องติดกันขึ้นบันไดอีก 1 ชั้นแล้วย้อนกลับลงมาชั้นเดิม เดินต่อไปจนถึงทางแคบเล็กที่มีประตูกลหมุนเข้าสู่ห้องลับ และเปิดตู้เสื้อผ้าที่ภายในเป็นทางลับเข้าสู่ห้องสีฟ้าของเธอ (ปวดหัวแทน)
ประตูหลอกที่เปิดไปเจอผนังตัน และบันไดที่เดินขึ้นไปจนจรดเพดาน
ประตูหลอกที่ถ้าขืนดื้อเดินออกไปก็จะหล่นปุ๊ลงไปจากชั้น 2
ซาราห์ต่อเติมบ้านหลังนี้จนสลับซับซ้อน เมื่อปี ค.ศ.1907 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่บ้านของเธอจากที่มี 7 ชั้นก็พังลงเหลือ 4 ชั้น และเธอก็หลงทางอยู่ในบ้านของตัวเองจนเธอคิดว่าคงไม่รอดแน่แล้ว แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกได้ทัน
ในคืนวันที่ 15 กันยายน ค.ศ.1922 ขณะที่ช่างไม้ 2 คนกำลังทำงานอยู่บนหลังคาก็เกิดฟ้าผ่าลงมาใกล้ๆ ช่างไม้ทั้ง 2 กลัวจึงหยุดงานแล้วลงมาข้างล่าง และในคืนนั้นเองซาราห์ก็ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยวัย 83 ปี เป็นการปิดฉากตำนานการ "สร้างบ้านหลอกผี"แต่เพียงเท่านี้
บ้านหลังนี้มีมูลค่า 5,500,000 ดอลล่าร์สหรัฐ มีห้องทั้งหมด 160 ห้อง สูง 4 ชั้น(จากเดิม 7 ชั้น) ห้องใต้ดิน 2 ชั้น ประตู 950 บาน หน้าต่างประมาณหมื่นบาน เตาผิง 47 เตาบันได 40 ที่ (376 ขั้น) และห้องจัดเลี้ยงอีก 2 ห้อง บ้านของเธอถูกเปลี่ยนมือไปหลายครั้งจนสุดท้ายตกมาเป็นสมบัติของชาติ มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ.1973 และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ.1984
ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อของแคลิฟอร์เนีย โดยการเข้าชมต้องมีไกด์นำทางไปด้วย เพราะบ้านเขาวงกตนี้ไม่ได้หลอกแค่ผี คนธรรมดาและตัวไกด์เองก็ยังหลงทางเอาได้ง่ายๆ
ที่มา
http://www.online-station.net/entertainment/story/172
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3170387/A3170387.html
http://www.thenightshock.com/detail.php?id=110