Breaking News
Loading...
วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

Info Post

จากตำนานสู่การแกะรอยเรือโนอาห์ "Noah's Ark"


เรือโนอาห์ (อังกฤษ: Noah's Ark) ถูกกล่าวถึงในพระธรรมปฐมกาลบทที่ 6 ก่อนที่พระเจ้าจะทรงทำลายมนุษย์ด้วยการทำให้น้ำท่วมโลก พระองค์ทรงเห็นว่าโนอาห์เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมในสมัยนั้น และดำเนินกับพระเจ้า


ขนาด และรูปลักษณ์ของเรือโนอาห์


ในพระธรรมปฐมกาล พระเจ้าทรงให้โนอาห์ประกอบเรือตามแบบที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ดังนี้

วัสดุประกอบเรือ ไม้สนโกเฟอร์
-ความยาว 300 ศอก (150 เมตร หรือ 15,000 เซนติเมตร)
-ความกว้าง 50 ศอก (25 เมตร หรือ 2,500 เซนติเมตร)
-ความสูง 30 ศอก (15 เมตร หรือ 1,500 เซนติเมตร)
-จำนวนชั้น 3 ชั้น พร้อมดาดฟ้าเรือ มีหลังคาสูง 1 ศอก (50 เซนติเมตร)
-ยาชันทั้งภายนอกภายใน
-แบ่งเรือออกเป็นห้อง (ไม่ได้ระบุจำนวนห้อง)


สิ่งที่บรรทุกในเรือ

พระเจ้ามีพระบัญชาให้โนอาห์นำสิ่งเหล่านี้ขึ้นไปบนเรือ
-โนอาห์ และครอบครัว โดยมีลูกชายของโนอาห์ 3 คน ได้แก่ เชม ฮาม และยาเฟท
-อาหารสำหรับโนอาห์ ครอบครัว และสำหรับสัตว์ที่พระเจ้าทรงกำหนด
-สัตว์ นก และสัตว์เลื้อยคลานชนิดละ 1 คู่ (ตัวผู้ 1 ตัว และตัวเมีย 1 ตัว)

     เนื้อหาในส่วนนี้ อ้างอิงมาจากพระธรรมปฐมกาล ซึ่งกล่าวถึงการสร้างเรือของโนอาห์ ตามพระบัญชาของพระเจ้า เพื่อช่วยให้ครอบครัวของโนอาห์ และรักษาพันธุ์สัตว์บนโลกนี้ไว้ เมื่อโนอาห์ประกอบเรือเสร็จ พระเจ้าทรงบันดาลให้ฝนตกหนัก 40 วัน และเกิดน้ำท่วมแผ่นดินเป็นเวลา 150 วัน จนผู้คนและสิ่งมีชีวิตทั่วโลกตายจนหมดสิ้น พระเจ้าจึงทรงกระทำให้น้ำลดลง ใช้เวลาอีก 150 วัน แผ่นดินจึงแห้ง

     ส่วนเรือโนอาห์นั้น ไปค้างอยู่บนยอดเขาอารารัต โนอาห์ และครอบครัวได้ลงจากเรือเมื่อน้ำแห้งดีแล้ว และใช้ชีวิตตามปกติต่อไป ในครั้งนั้น พระเจ้าทรงมอบรุ้งกินน้ำ เป็นพันธสัญญาว่า จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเพื่อทำลายล้างมนุษย์อีก


การค้นหาซากเรือโนอาห์

     กว่า 2 ทศวรรษมาแล้ว ที่การค้นหาเรือโนอาห์ เป็นที่สนใจจากนานาชาติ นักสำรวจหลายชุด แถบเทือกเขา อารารัต ทางตะวันออกของตุรกี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาวอเมริกัน   เรือโนอาห์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มีขนาดใหญ่ ทำด้วยไม้สนโกเฟอร์ ทำเป็นห้องๆ และยาชันทั้งข้างในและข้างนอก ยาว 300 ศอก กว้าง 50 ศอก สูง 30 ศอก (ใช้หน่วย 1 Cubit = 1 เมตร) และมี 3 ชั้น มีประตูด้านข้าง (ปฐมกาล 6:14-16) เป็นที่รู้กันดี ตั้งแต่ก่อน ศตวรรษที่ 20 แล้วว่า มันมีขนาดใหญ่พอๆ กับเรือเดินสมุทรในปัจจุบัน

     พระคัมภีร์กล่าวว่า ณ วันที่ 17 ของเดือนที่ 7 ฝนก็หยุดตก และน้ำเริ่มลด นาวาก็ค้างอยู่บนเทือกเขาอารารัต (ปฐมกาล 8:4) ซึ่งเป็นแถบ อาณาจักร Urartu โบราณ แต่ไม่ได้ระบุยอดเขาโดยเฉพาะ หลังจากโนอาห์ และครอบครัว ออกจากเรือบนภูเขา เรือนั้นก็ไม่ได้ถูกกล่าวถึง ในพระคัมภีร์อีกเลย ผู้เขียนไบเบิ้ลคนต่อๆ มา ก็ไม่เคยพูดถึง และไม่ได้บอกว่า จะเห็นได้ที่ไหน   อารารัตในปัจจุบัน มีเทือกเขาแฝดสูง ที่น่าสนใจคือ มีรายงานจำนวนมาก ในประวัติศาสตร์ บอกว่าเรือขนาดใหญ่อยู่บนภูเขาแถบนี้   นักวิชาการปัจจุบัน หลายคนคิดว่า ยอดเขาอารารัตในตุรกี เป็นสถานที่ ที่น่าจะพบเรือโนอาห์มากกว่า เพราะอารารัตคือยอดเขา ที่สูงที่สุดในตุรกี ดังนั้นขณะน้ำลด ภูเขาลูกแรก ที่จะโผล่เหนือน้ำ ต้องเป็นภูเขา Ararat ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี และมีชื่อเรียกในภาษาท้องถิ่นว่า Aghri Dagh ซึ่งแปลว่า ภูเขาแห่งความเจ็บปวด  ปัจจุบันอารารัตมียอดเขา 2 ยอดคือ Great Ararat ที่สูง 5,137 เมตร กับ Little Ararat ที่สูง 3,896 เมตร และช่วงบนของยอดเขาทั้งสอง ขนาดซึ่งวัดโดยรอบได้ถึง 40 กิโลเมตร 

     รายงานกว่าศตวรรษจากผู้เคยพบเห็นเรือ ค้นพบชิ้นไม้ ถ่ายรูปได้จากที่สูง มากมาย เป็นที่เชื่อกันว่า อย่างน้อย ชิ้นส่วนที่ใหญ่ๆ ของเรือ น่าจะยังมีอยู่ อาจไม่ได้อยู่ เทือกเขาสูงสุด แต่ที่ไหนซักแห่ง ซึ่งอยู่เหนือ ขึ้นไป ระดับหมื่นฟุต ภูเขานี้ปกคลุมด้วยหิมะ และน้ำแข็งตลอดทั้งปี มีเพียงช่วงฤดูร้อน ที่จะเข้าไปได้ บางคนก็เคยปีนและเดินขึ้นไป 

     ในทศวรรษที่ 80 นักสำรวจเรือโนอาห์จำนวนไม่น้อย ได้เข้าร่วมโครงการนาซ่า กับ เจมส์ เออร์วิน เป็นเรื่องครึกโครมมาก จนสภาพโซเวียตต้องออกมาขัดขวาง เพราะว่าเทือกเขาอยู่ขอบชายแดน ตุรกี-โซเวียต พอเจมส์เสียชีวิตลง ก็มีการสำรวจครั้งใหม่ 

     ในทศวรรษที่ 90 และตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา แต่ยังไม่มีหลักฐาน แน่ชัดว่ามีคนพบเรือทั้งลำ   ในความพยายามค้นหาตำแหน่งของเรือ Noah ตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้มีการอ้างหลักฐาน การเห็นซากเรือ หลายครั้ง เช่น
ภูเขาอารารัต ในประเทศตรุกี( Mount Ararat )

     เมื่อ 700 ปีก่อนนี้ ในศควรรษที่14 ประมาณปี 1356 มีหนังสือชื่อ Travels of Sir John Mandeville ที่เล่าว่า มีนักบวชคนหนึ่ง เก็บเศษไม้ได้จากยอดเขา Ararat แต่ก็ไม่มีใคร ณ วันนี้รู้ว่า Sir John ในหนังสือนั้นคือใคร และมีตัวตนหรือไม่ 

ได้ตีพิมพ์ใหม่อีกครั้งในปี 1984 สามารถหาซื้อได้ที่ : http://www.amazon.com 
เป็นหนังสือเก่ามาก รูปเพิ่มเติมที่ : http://www.utoronto.ca 


    และเมื่อปี 1916ความสนใจเกี่ยวกับเรือ Noah ได้บังเกิดอีกเมื่อวารสาร The New Eden รายงานว่า นักบินชาวรัสเซียคนหนึ่ง ชื่อ Vladimir Roskovitsky ขณะบินสำรวจผ่านยอดเขา Ararat เขาได้เห็น ซากเรือขนาดใหญ่ บนเขาลูกนั้น แต่ก็ไม่มีการติดตามไปดู จนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1917 แม่ทัพรัสเซีย ท่านหนึ่ง ได้ส่งทหาร 150 คน ขึ้นไปดูซากเรือ เพื่อนำรายงาน ไปบังคมทูล ให้จักรพรรดิซาร์ (Czar) ทรงทราบ แต่ได้เกิดรัฐประหาร คณะปฏิวัติ Bolshevik จึงได้ทำลายเอกสารรายงานหมด เพื่อไม่ให้ใคร เชื่อคัมภีร์ไบเบิลอีกต่อไป 

ข้อมูลVladimir Roskovitsky: http://home.lipetsk.ru  และ http://www.talkorigins.org




ในปี ค.ศ. 1955 Ferdinand Navarra นักผจญภัยชาวฝรั่งเศสกับลูกชาย ได้เดินทางขึ้นยอดเขา Ararat และได้นำ ไม้โอ๊กแผ่นหนึ่งกลับลงมา ในหนังสือชื่อ Noah's Ark: I Touched It เขาเล่าว่า เขาต้องหลบซ่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ของตุรกี เพื่อนำซากไม้ที่ยาว 2เมตรออกนอกประเทศ ถึงแม้หนังสือเล่มนั้น จะมีภาพของสองพ่อลูกบนภูเขา แต่ก็หามีภาพของเรือไม่ และเมื่อ Navarra ให้ผู้เชี่ยวชาญ ด้านอายุของวัตถุโบราณ วัดอายุของไม้เขา ได้ข้อสรุปว่า ไม้นั้นมีอายุตั้งแต่ 4,000-6,000 ปี ซึ่งก็ตรงกับคำสอน ในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า โลกถือกำเนิดเมื่อ 6,008 ปีก่อนนี้ และเหตุการณ์น้ำท่วมโลก เกิดขึ้นเมื่อ 5,000 ปีก่อนจริง 

ข้อมูล F. Navarra ค้นพบไม้จากเรือ : http://www.grisda.org




     ถึงแม้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรือจะยุติลงในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ แต่ประเด็นเหตุการณ์ น้ำท่วมโลก ก็ยังมีบุคคลสนใจมากมาย เมื่อ ปี2000 ในหนังสือชื่อ Noah's Flood : The New Scientific Discoveries About the Event That Changed History. William Ryan แห่ง Lamont-Doherty Earth Observatory ที่เมือง Palisades ใน New York สหรัฐอเมริกา ได้เสนอความเห็นว่า ในอดีตเมื่อ 8,000 ปีก่อนนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ น้ำท่วมครั้งมโหฬาร ในบริเวณที่ราบรอบทะเลดำ ( Black Sea) ซึ่งอยู่ระหว่างยุโรปกับเอเชีย และเป็นทะเลสาบ น้ำจืด น้ำทะเล ได้ไหลทะลักผ่านเข้ามา ทางช่องแคบ Bosphoues จนถึงทะเลดำ ทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบ เพิ่มสูงขึ้น 100 เมตร ในเวลา 3ปี แต่ Ryan มิได้ระบุชัดว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เกิดจากสาเหตุใด 
     
     ในวารสาร Paleoceanography ฉบับที่ 19 ปี2004 Mark Siddall แห่งมหาวิทยาลัย Bern ในสวิตเซอร์แลนด์ กับคณะได้รายงานการใช้คอมพิวเตอร์ จำลองสถานการณ์น้ำท่วมในทะเลดำ และพบว่า เหตุการณ์น้ำท่วมโลก สามารถเกิดขึ้นได้ โดยคณะผู้วิจัย ได้สมมติว่าในอดีตเมื่อ 10,000 ปีก่อนนี้ ซึ่งเป็นเวลาที่โลก กำลังตกอยู่ใน ยุคน้ำแข็ง Holocene ทะเล Mediteranean ทะเล Marmara และทะเลดำมีแผ่นดินคั่นอยู่ ณ เวลานั้นระดับน้ำ ในทะเลดำ อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำในทะเล Marmara ประมาณ 100 เมตร และเมื่อน้ำแข็งละลาย ระดับน้ำในทะเล เมดิเตอร์เรเนียน และทะเล Marmara ได้เพิ่มสูงขึ้นๆ จนกระทั่งเมื่อ 8,400 ปีก่อนนี้ น้ำจากทะเล Marmara ก็ได้ไหลข้ามพื้นแผ่นดิน ที่คั่นระหว่างทะเล Marmara กับทะเลดำเข้าสู่ทะเล ดำ




     ในการศึกษารายละเอียดของเหตุการณ์น้ำท่วมว่ารุนแรง หรือราบเรียบเพียงใด Siddall กับคณะได้กำหนด ให้กระแสน้ำท่วม มีความเร็วต่างๆ กัน แล้วศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นตามบริเวณขอบทะเลดำ และเขาก็ได้พบว่า ถ้ากระแสน้ำไหลช้าๆ แรง Coriolis ซึ่งเกิดจากการหมุนรอบตัวเองของโลก จะทำให้น้ำไหลขึ้นทางเหนือ จะพุ่งเฉียงไปทางตะวันออก แต่ถ้ากระแสน้ำไหลเชี่ยว เพราะขณะนั้น ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวด้วย พลังไหลของน้ำจะมหาศาล จนมันสามารถไหล ได้ทุกทิศทาง ปริมาณน้ำที่มากถึง 60,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เท่ากับ 20 เท่า ของน้ำตก Niagara จะไหลพุ่งเข้าทะเลดำ เป็นเวลานาน 33 ปี จนระดับน้ำในทะเล Marmara และทะเลดำเท่ากัน น้ำจึงหยุดท่วม 

ข้อมูล Mark Siddall : http://www.nature.com




ในปี 1987 Ron Wyatt นักสำรวจโบราณคดี พบว่าบนเทือกเขา มีรอยของเรือขนาดใหญ่ ในเขตของตุรกี นักข่าวได้ประโคมข่าวใหญ่ในประเทศ รัฐบาลได้ขอให้รอนแสกนภาพจากเรดาห์ และพบร่องรอย ที่เป็นหลักฐาน มากมาย แต่แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ในช่วงปี 1840 และระยะเวลาที่ยาวนาน ได้กระจายชิ้นส่วนของเรือ ออกไปแล้ว เป็น 3ชิ้นเป็นอย่างน้อย หรืออาจมากกว่า 6ชิ้น แต่มีการอัศจรรย์ ที่ยังคงรักษาบางชิ้นส่วนเอาไว้ได้ โดยการค้นพบ จากภาพถ่ายจากดาวเทียม ทำให้สามารถ พบเศษไม้ ที่กลายเป็นหิน ได้จำนวนหนึ่ง การค้นคว้านี้ ยังคงดำเนินต่อไป แม้จะยังไม่มีคนใด ที่ได้เห็นเรือทั้งลำหลงเหลือในปัจจุบัน 

ข้อมูล Ron Wyatt : http://www.noahsarksearch.com 

ในเรื่องราวของสุเมเรียนและบาบิโลเนียน มีเรื่องราวที่เหมือนกับของโนอาห์อยู่ด้วย เมื่อเทพ Enki ประสงค์จะกวาดล้างมนุษย์ วีรบุรุษผู้พาสิ่งมีชีวิตและครอบครัวหนีตายจากน้ำท่วมชื่อ อุชนาปิชทิม ส่วนในเรื่องราวของอินเดีย พระมนูหนีน้ำท่วมและลงเรือที่ยอดเขาชื่อ "อารยวรรต" ซึ่งเพี้ยนมาจาก"อารารัต" หรือไม่ก็ยังไม่มีผู้ใดบอกได้ และยังมีตำนาน น้ำท่วมโลกในอีกหลายๆประเทศเช่น แอฟริกา จีน อินเดีย ออสเตรเลีย กรีซ แมกซิโก เผ่าอินคา 

ข้อมูล ตำนานน้ำท่วมโลกต่างๆได้ที่ : http://www.nwcreation.net


ลักษณะของเรือ "โนอาห์" (Noah's Ark) บนยอดเขาอารารัต ในตุรกี

ลักษณะของเรือ "โนอาห์" (Noah's Ark) บนยอดเขาอารารัต ในตุรกี

ลักษณะของเรือ "โนอาห์" (Noah's Ark) บนยอดเขาอารารัต ในตุรกี

ลักษณะของเรือ "โนอาห์" (Noah's Ark) บนยอดเขาอารารัต ในตุรกี

ลักษณะของเรือ "โนอาห์" (Noah's Ark) บนยอดเขาอารารัต ในตุรกี

หลักฐานปี 2010

     หยุง วิง-จุง นักสร้างหนังสารคดีชาวฮ่องกง หนึ่งในคณะผู้ค้นหาซากเรือโนอาห์ 15 คน จากกลุ่มคณะมนตรีเรือโนอาห์ระหว่างประเทศ เผยว่า "ยังไม่แน่ใจ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าเป็นเรือโนอาห์ แต่เราเชื่อ 99.9 เปอร์เซ็นต์ ว่าใช่เรือลำเดียวกันแน่"

     โครงสร้างที่พบนั้นแบ่งเป็นหลายส่วน รวมทั้งส่วนที่เต็มไปด้วยคานไม้ที่เชื่อว่าอาจเป็นที่อยู่ของสัตว์นานาพันธุ์ที่โนอาห์นำขึ้นเรือเพื่อรักษาไว้ก่อนที่พระเจ้าจะทำน้ำท่วมโลก ขณะที่กลุ่มนักโบราณคดีคริสต์กลุ่มนี้ก็ปฏิเสธแข็งขันว่า เป็นไปไม่ได้ว่าซากเหล่านี้จะเป็นซากดั้งเดิมของมนุษย์โบราณ เพราะไม่เคยมีการค้นพบร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของคนในบริเวณนี้ ซึ่งตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,500 เมตร
 รูปไหม่









http://www.youtube.com/watch?v=oPpKnwh3AvE

อ้างอิง :http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/03/Y5183329/Y5183329.html
อ้างอิง :http://www.t-pageant.com/2011/index.php?/topic/-ฮือฮาพบซากเรือโนอาห์ในตุรก/