ตำนาน KFC ผู้พันแซนเดอร์ส ผู้ชายที่ล้มเหลว(เกือบ)ทั้งชีวิต!
ฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส?(Harland Sanders)เมื่ออายุ 20 ปี |
ประวัติ ผู้พันแซนเดอร์ส ตำนาน KFC
ฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส (“Colonel” Harland David Sanders) ผู้ก่อตั้งเคเอฟซี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1939เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1890 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1980เป็นนักการภัตตาคารชาวอเมริกัน (American restaurateur) ผู้ก่อตั้ง ไก่ทอดเคนตั๊กกี้ หรือ Kentucky Fried Chicken(KFC) เป็นเครือข่ายร้านอาหารจานด่วนที่มีชื่อเสียงของอเมริกัน เป็นร้านที่มีเครือข่าย17,000แห่งทั่วโลก นับเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากแมคโดนัลด์อายุ 6 ขวบ : เมื่อเขาอายุได้เพียง 6 ขวบ บิดาก็เสียชีวิตทำให้ แม่ต้องทำงาน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เพียงคนเดียว แซนเดอร์ส ยังเป็นเด็กน้อยอายุ 6 ขวบ ต้องรับภาระเลี้ยงดู น้องชายอายุ 3 ขวบ และน้องสาว ยังเล็กอยู่ (มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เป็นลูกชายคนโต)เขาต้อง ทำงานบ้านทุกอย่าง รวมถึง ทำอาหารเองด้วย แซนเดอร์ส มีความสามารถในเรื่องนี้มาก จนได้รางวัลชนะเลิศ ในการประกวด ทำอาหารประจำหมู่บ้าน ขณะที่อายุได้เพียง 7 ขวบเท่านั้นอายุ 10 ปี : แซนเดอร์สเริ่มรับจ้างทำงานครั้งแรก โดยเริ่มจาก การทำงานในฟาร์มใกล้บ้านได้ค่าแรงเพียง เดือนละ 2 ดอลลาร์ อายุ 12 ปี : เขาต้องลาออกจากโรงเรียนเมื่อแม่เขาแต่งงานใหม่ พ่อเลี้ยงของเขาทำร้ายเขาเป็นประจำ ดังนั้นเขาจึงออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับลุมในเมืองอัลบานี (Albany)ไปทำงานที่ฟาร์มในหมู่บ้านเฮนรี วิลล์ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้น ของชีวิตการทำงานหลาย ๆ อย่าง ที่เขาเคยทำ เช่น เป็นนักดับเพลิง ฝึกงานที่ศาล ขายประกัน ขายยาง ทำงานที่สถานีขนส่ง
อายุ 15 ปี :เขาปลอมหลักฐานการเกิดเพื่อให้ได้เข้าไปทำงานเป็นทหารตั้งแต่อายุได้15ปี
เขาได้รับเกณฑ์ทหารแล้วไปทำงานดูแลฬ่อที่ใช้ในกิจการทหารในคิวบา เมื่อเขาถูกปลดประจำการ เพราะกองทัพขับออกมา จากนั้นเขาหันเหมาสมัครเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่ด้วยความสามารถที่ไม่ได้เรื่อง เขาจึงถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี หลังจากนั้น 4 เดือน เขาได้เดินทางไปยังเมืองSheffield,รัฐ Alabamaที่ซึ่งเขาพักอยู่กับลุง น้องชายของเขาClarenceก็ไปพักอยู่ที่นั่น เพื่อหลีกหนีจากพ่อเลี้ยง ในช่วงวัยเด็ก แซนเดอร์สทำหลายงาน เคยเป็นทั้งคนขับเรือกลไฟ พนักงานขายประกัน งานรถไฟ พนักงานดับเพลิง และเป็นชาวนาแต่ก็ล้มเหลวอยู่ดี >,<
อายุ 17 ปี :เขาแสดงความสามารถพิเศษด้วยการตกงานติดต่อกันถึง 4 ครั้ง
อายุ 18 ปี :เขาแต่งงานมีครอบครัว และปีถัดมาเขาได้เป็นพ่อคนแต่ชีวิตคู่ของเขาก็มีความสุขอยู่ได้ไม่นานนัก
ฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส แต่งงานกับโจเซฟีน คิง (Josephine King) ในปี ค.ศ.1908 และหวังจะเริ่มชีวิตครอบครัว แต่เขาก็ถูกเจ้านายไล่ออกจากงานฐานกระด้างกระเดื่องที่ทำงานนอกคำสั่ง ภรรยาของเขาเลิกเขียนจดหมายติดต่อเขา และเขามาพบภายหลังว่าเธอได้ทิ้งเขาแล้ว และได้ยกเครื่องเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับบ้านให้กับคนอื่น แล้วเธอก็หอบลูกกลับไปอยู่กับครอบครัวพ่อแม่ น้องชายของภรรยาเขียนจดหมายมาบอกแซนเดอร์สว่า เธอไม่สมควรที่จะแต่งงานกับคนไม่ดีอย่างคุณ ที่ไม่มีงานทำแซนเดอร์สมีบุตรชายหนึ่งคนชื่อฮาร์แลนด์(Harland, Jr)เช่นกัน ซึ่งได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก แซนเดอร์สได้กลับมาคืนดีกับภรรยา และเขาก็มีบุตรสาวกับอีก 2คน ชื่อ Margaret SandersและMildred Sanders Ruggles
อายุ 20 ปี : ภรรยาของเขาพาลูกสาวหนีไปเพราะทนใช้ชีวิตกับเขาไม่ได้
เหมือนว่าชายคนนี้ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง !แต่ก็อย่างว่าแหละ คนเราอะไรมันจะไม่ได้เรื่องไปเสียหมด สิ่งเดียวที่เขาพบว่า เขาทำได้ดีก็คือ การทำอาหารดังนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นพ่อครัวและคนล้างจานในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ชีวิตที่ทรงคุณค่าอะไรเลยในความคิดของเขาชีวิตที่ร้านกาแฟ เขามีเวลามากมายที่จะนั่งคิดและทำอะไรได้มากพอสมควรแต่เขากลับเลือกใช้เวลานั่งคิดถึงภรรยาและลูกสาวของเขาเขาเพียรพยายามติดต่อภรรยาและอ้อนวอนให้เธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธเพราะสถานะของเขาไม่ดีพอที่จะเลี้ยงลูกสาว
แซนเดอร์ส วางแผนจะลักผาตัวลูกสาว!
เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ เขาไม่ต้องการภรรยาอีกต่อไป ขอเพียงแต่ได้ลูกสาวกลับคืนมาก็พอเพราะเขารักและคิดถึงเธอเหลือเกิน เขาใช้เวลาว่างในร้านกาแฟวางแผนในการนำลูกสาวกลับคืนมาสู่อ้อมอกของตนเขาวางแผนทุกขั้นตอนละเอียดยิบ
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ วันที่ตั้งใจไว้ก็มาถึง เขาซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้นอกบ้านหลังเล็กๆ ของภรรยาอย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น และตระหนกอยู่บ้างแต่นั่นมิอาจเทียบได้กับความรักที่เขามีต่อลูก เขาตัดสินใจที่จะต้องลงมือทำให้สำเร็จ แต่แล้วอนิจจาวันนั้นลูก สาวของเขาไม่ออกมาเล่นหน้าบ้านเลยแม้กระทั่งความพยายามในการก่ออาชญากรรม เขาก็ยังล้มเหลวเขารู้สึกเหมือนคนที่พ่ายแพ้ต่อโชคชะตา รู้สึกเหมือนคนไม่มีค่าและเหมือนพระเจ้ากำหนดมาแล้วว่าเขาจะต้องอยู่เพียงลำพังไปตลอดชีวิต
แต่เหมือนปาฏิหาริย์ ในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวภรรยาให้กลับมาอยู่ด้วยกันได้พวกเขาทำงานด้วยกันในร้านกาแฟแห่งนั้น ทำอาหารและล้างจาน ซึ่งการอยู่พร้อมหน้าทั้งครอบครัว ทำให้เขามีกำลังใจและทำงานจนเกษียณตอนอายุ 65
ผู้พันแซนเดอร์ส ล้มคิดจะฆ่าตัวตาย
วันแรกของการเกษียณอายุ เขาได้รับเช็คเงินประกันสังคมฉบับแรกของเขา เป็นเงิน 105 ดอลลาร์(ราวสี่พันบาท)เช็คดังกล่าวเหมือนเป็นตัวแทนของรัฐที่ฝากมาบอกเขาว่า เขาไม่อาจจะดูแลตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือใช้ชีวิต อยู่จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาลมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกถูกปฏิเสธ ล้มเหลว เสียกำลังใจ และท้อแท้ชีวิตของเขาได้รับความผิดหวังอีกครั้งหนึ่งหลังจาก 65 ปีอันยาวนาน เขาบอกกับตัวเองว่าถ้าเขาดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องมีชีวิตอยู่โดยให้รัฐบาลดูแลเขาก็ไม่สมควรจะมีชีวิตอีกต่อไป เขาตัดสินใจ (อีกแล้ว) ว่าจะฆ่าตัวตาย
เขาหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นกับดินสอหนึ่งแท่งนั่งลงใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างสงบ ตั้งใจที่จะเขียนคำสั่งเสียและพินัยกรรมแต่แทนที่จะทำเช่นนั้น กลับเหมือนมีอะไรมาดลใจ เหมือนเป็นครั้งแรกที่ชีวิตเกิดปัญญาเขาเริ่มต้นเขียนสิ่งที่เขาควรจะเป็น ชีวิตที่เขาควรจะมี และสิ่งที่เขาปรารถนาในช่วงชีวิตสุดท้ายที่เหลืออยู่เขาตกใจมาก เมื่อค้นพบความจริงในชีวิตว่า เขายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันกับเขาสักอย่างเลย ! (เพิ่งนึกได้)
ผู้พันแซนเดอร์ส : ความผลิกผันในชีวิต !!
เขานั่งครุ่นคิดกับตัวเองอย่างจริงจัง มีบางอย่างที่เขาสามารถทำได้บางอย่างที่คนที่รอบตัวทำสู้เขาไม่ได้ ใช่ ! เขารู้วิธีปรุงอาหารชีวิตเกือบทั้งหมดของเขา อยู่ที่หน้าเตาร้อนๆ มาตลอด เขาตัดสินใจกับตัวเองอีกครั้งในที่สุดเขาเลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อทำอะไรสักอย่างในชีวิตให้ประสบความสำเร็จเขาตั้งใจว่าถ้าเขาจะตาย เขาก็อยากจะตายในแบบที่ได้ลองพยายามเป็นใครสักคนและทำบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขาเขาลุกจากเงาไม้ มุ่งหน้าไปยังธนาคารในเมือง เพื่อขอยืมเงินจำนวน 87 ดอลลาร์จากเช็คประกันสังคมฉบับต่อไปของเขาด้วยเงิน 87 ดอลลาร์นั้น เขาซื้อกล่องเปล่าและไก่จำนวนหนึ่ง
จากนั้นเขาก็กลับไปที่บ้านและลงมือทอดไก่ที่ซื้อมาด้วยสูตรพิเศษที่เขาได้คิดค้นขึ้นมาในช่วงหลายปีที่ทำงานที่ร้านกาแฟนั้นเขาเริ่มขายไก่ทอดของเขาตามบ้านต่างๆ ในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ของเขาแล้วคนขายไก่ทอดอายุ 65 ปีคนนั้นก็กลายมาเป็นผู้พันฮาร์แลนด์ แซนเดอร์สราชาผู้เป็นที่รักของอาณาจักร Kentucky Fried Chicken หรือที่เรารู้จักกันในนาม KFC นั่นเองตอนอายุ 65 ปี เขาเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งความล้มเหลวที่ยังมีชีวิต แต่ในวัย 85 ปีเขาก็กลายเป็นเศรษฐีพันล้านและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มีผู้คนให้เกียรติเขาทั่วประเทศ
มาดู ตำนานKentucky Fried Chicken หรือทีเราเรียกกันว่า KFC กันคะ
ค.ศ.1890
ตำนานความอร่อยของไก่ทอด KFC เริ่มต้นโดย พันเอกฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส ท่านถือกำเนิดขึ้นในเมืองคอร์บิน มลรัฐเคนตั๊กกี้ เมื่อวันที่ 9 กันยายน ในปี 1890
ร้านอาหารในเมืองคอร์บิน รัฐเคนตั๊กกี้ (The restaurant in Corbin, Kentucky)
ในปี ค.ศ.1930 อันเป็นช่วงที่เศรษฐกิจทั้งประเทศตกต่ำ แซนเดอร์สเปิดปั้มน้ำมันที่เมืองคอร์บิน ในรัฐเคนตั๊กกี้ (Corbin, Kentucky) ที่นี่เขาได้ทำไก่ทอดขาย และมีอาหารจานอื่นๆ เช่น มีแฮมแบบพื้นบ้าน (country ham) และมีสเต๊ก (steaks) ไว้บริการ เขาทำเป็นภัตตาคารเล็กๆไว้บริการลูกค้า และที่นี่ก็เป็นที่พักของเขาไปด้วย แต่ที่นี่เขาได้เริ่มมีกิติศัพท์ในฝีมือทำอาหารในระดับท้องถิ่น ในที่สุดเขาได้ขยับขยายมาเปิดร้านอาหารในโรงแรมคนเดินทาง (Motel)ขนาดมีขนาด 140 ที่นั่ง และที่นี่ที่เขาได้เริ่มประสบความสำเร็จในกิจการร้านอาหาร
ค.ศ.1939
ในปี ค.ศ.1939 นักวิจารณ์อาหารดันแคนไฮนส์ (Duncan Hines) ได้เยี่ยมร้านอาหารของแซนเดอร์ส แล้วประทับใจมาก โดยได้เขียนให้เกียรติร้านนี้ว่าเป็น ร้านที่น่ามาท่องเที่ยวชิมอาหาร โดยข้อเขียนนี้ได้เผยแพร่ไปทั่วประเทศสหรัฐ ในขณะที่ความสำเร็จของเขาขยายวงไปเรื่อยๆ แซนเดอร์สได้มีบทบาทด้านสังคมมากขึ้น เขาได้เข้าร่วมสมาคมโรตารี่ (Rotary Club),สภาหอการค้า (Chamber of commerce),และสมาคมFreemasons
ค.ศ.1947
เขาได้หย่าขาดจาก โจเซฟิน ภรรยาคนแรก และในปี ค.ศ.1949เขาได้แต่งงานกับเลขานุการ ชื่อ คลอเดีย(Claudia)และเขาได้รับตำแหน่ง ผู้พันแห่งเคนตั๊กกี้อีกครั้ง จากเพื่อนของเขา คือ ผู้ว่าการรัฐ ลอเรนซ์ เวเธอร์บี้ (Governor Lawrence Wetherby)
ค.ศ.1950
แซนเดอร์สได้พัฒนาบุคลิกของเขาให้เป็นสัญลักษณ์ของกิจการ โดยเขาไว้เคราแพะ แล้วย้อมหนวดและเคราเป็นสีขาว และผูกไทร์แบบเป็นเส้น (String tie) เขาไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณะในรูปแบบการแต่งกายอื่นๆในช่วง 20 ปีหลังของชีวิตเขา โดยในช่วงฤดูหนาว เขาใส่ชุดผ้าขนสัตว์หนา และในฤดูร้อน เขาใส่เสื้อผ้าทำจากฝ้าย แต่ทั้งหมดเป็นแบบเดียวและมีสีขาว เขาย้อมหนวดและเคราเป็นสีขาว เข้ากับสีผมและเสื้อผ้า และนั่นเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนจำได้
ค.ศ.1955
ในวัย 65 ปีไก่ทอดเคนตั๊กกี้ได้ก่อตัวขึ้นในรูปบริษัท เป็นครั้งแรก โดยผู้ก่อตั้งคือผู้พันแซนเดอร์ส ร้านอาหารหลักของเขาก็ประสบปัญหาล้มเหลวอีกครั้ง เนื่องจากเกิดถนนสายระหว่างรัฐที่ 75 (Interstate 75)ทำให้คนไม่เดินทางผ่านถนนท้องถิ่นเดิม มาที่ร้านของเขา เมื่อเกิดวิกฤติ มีคนมากินอาหารน้อยลง เขาได้ใช้เงิน $105 จากเงินสวัสดิการเกษียณอายุ (Social Security check) ใบแรก เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายการเดินทางไปเยี่ยมผู้ซื้อแฟรนไชส์ของเขา และนี่อาจเป็นข้อดีที่ทำให้เขาหันมาทำกิจการแฟรนไชส์เครือข่ายร้านอาหารอย่างจริงจัง แม้วัยของเขาจะเข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว
รูปปั้น ผู้พันแซนเดอร์ส (Harland Sanders) กับ พีท ฮาร์แมน (Pete Harmon)ผู้ได้รับแฟรนไชส์รายแรก หน้าร้าน KFC ที่บ้านเกิด |
ค.ศ. 1964
ผู้พันแซนเดอร์สได้ขายกิจการ ไก่ทอดเคนตั๊กกี้ให้แก่ กลุ่มนักลงทุนมืออาชีพที่มี Jack Massey และ John Y. Brown Jr. เป็นแกนนำ
ค.ศ. 1978
เพื่อรักษาไก่ทอดเคนตั๊กกี้ ให้คงคุณภาพและรสชาติ แบบดั้งเดิม จึงมีการเปิดศูนย์ฝึกอบรมแห่งชาติของ KFC ขึ้นในปี 1978 โดยมีผู้พันแซนเดอร์สเป็น ผู้ตรวจสอบการรักษารสชาติ ของไก่ทอดเป็นหม้อแรก จากพีท ฮาร์แมน ผู้ที่ได้แฟรนไชส์เป็นรายแรก
ค.ศ. 1980
ผู้พันแซนเดอร์สก็ถึงแก่กรรมท่านอายุได้ 90 ปี ร่างของท่านถูกนำไปตั้ง ณ ที่ทำการของเมืองหลวง มลรัฐเคนตั๊กกี้ และจากนั้นได้ถูกนำไปฝังที่สุสาน เดฟฮิลล์ เมืองหลุยวิลล์
ในปัจจุบัน KFC มีเครือข่ายของร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีร้านที่ให้บริการอาหาร และของว่าง ได้ขยายสาขามากกว่า 29,500 แห่ง ในกว่า 92 ประเทศทั่วโลก (ถ้าตอนี้อาจจะขยายไปมากกว่าแล้วก็ได้ ) KFC ภายใต้ความยิ่งใหญ่ของ ผู้พันแซนเดอร์สถือเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และยังคงก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ด้วยคุณภาพและสำนึกในความรับผิดชอบที่ดีต่อสังคม ไม่ว่าท่านจะอยู่ในประเทศใดท่าน จะสามารถสัมผัสและระลึกถึงผู้พัน แซนเดอร์ส ตำนานแห่งไก่ทอดแสนอร่อยของ KFC ได้เสมอ หุ่นจำลองของผู้พันแซนเดอร์ส ตั้งอยู่หน้าร้าน เหมือนเป็น เครื่องรับประกันถึงความอร่อย ของไก่ทอด ตำหรับ KFC COLONEL SANDERS THE LEGENDARY CHICKEN EXPERT
เหตุผลที่เปลี่ยนชื่อ Kentucky Fried Chicken เป็น KFC
1. เหตผลแรกที่เปลี่ยชื่อเพราะ ในยุคสมัยหนึ่ง ผู้คนหลีกเลี่ยงการทางอาหารทอด
เพราะว่าทำให้อ้วน และไขมันสูง (Fired = ทอด) ทำให้ทาง KFC จะต้องเปลี่ยนชื่อและปรับกลยุทธ์ให้ดูว่าทางร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น และยังเป็นการทำให้แบรด์ดูทันสมัยมากขึ้นด้วยเช่นกัน
2. เหตผลเรื่องเงิน
เพราะในสมัยก่อนนั้น ทางรัฐแคนตั๊กกี้ หากจะใช้ชื่อคำว่า Kentuckey ในแบรด์ใดก็ตามจะต้องจ่ายค่าชื่อนั้นให้กับรัฐเคนตั๊กกี้ ในอเมริกา ทางKFC ตระหนักดีว่าจะต้องจ่างเงินก้อนนี้เป็นมาหาศาล เพราะใช้ทั่วโลก จึงไม่ต้องการ จะเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ แต่ความ KFC ทำคุณประโยชน์ให้รัฐนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทำให้รัฐแคนตั้กกี้ ทบทวนที่จะไม่เก็บ ค่าใช้ชื่อนี้อีก กัย KFC ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ทาง KFC และรัฐเคนตั๊กกี้ได้มีการเจรจาตกลงร่วมกัน และทำให้ KFC สามารถกลับมาใช้ Kentuckey ได้อย่างเดิมแล้ว
อ้างอิง : http://teen.mthai.com/variety/48647.html